Ford Focus 2018 ใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในโลก พร้อมกับขุมพลังดีเซล EcoBlue ใหม่ล่าสุด

Ford Focus 2018 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่ประเทศเยอรมนี อัดฟีเจอร์ใหม่เพียบ พร้อมขุมพลังดีเซล EcoBlue ใหม่ล่าสุด

Ford Focus 2018 ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม C2 ใหม่ ที่เน้นปรับปรุงเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร การดูดซับแรงกระแทก และเฉือนน้ำหนักตัวถังลงจากรุ่นเดิม 88 กิโลกรัม เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ฐานล้อมีความยาวเพิ่มขึ้น 53 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถังอีก 20 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงออกแบบตัวถังให้มีโอเวอร์แฮงค์หน้า-หลังที่สั้นลง

ภายนอกของ Ford Focus 2018 ใหม่ ถูกติดตั้งไฟหน้า Adaptive Front Lighting System พร้อมระบบ Predictive Curve Light ที่ทำงานผ่านกล้องหน้ารถ ช่วยปรับองศาไฟหน้าก่อนเข้าโค้ง รวมถึงระบบ Sign-based Light ที่ปรับองศาไฟหน้าตามป้ายจราจรได้ครั้งแรกในโลก

Ford Focus 2018 มีการเปิดตัวพร้อมกันทั้งหมด 4 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ แฮทช์แบ็ค, ซีดาน, แวกอน, ครอสโอเวอร์ (Focus Active) โดยมีดีไซน์แปลกตาไปจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน เช่น ไฟท้ายแบบ 2 ชิ้นในรุ่นแฮทช์แบ็ค และตัดกระจกโอเปร่าออกในรุ่นแฮทช์แบ็คและซีดาน เป็นต้น

Focus ใหม่ ถูกติดตั้งเทคโนโลยี Ford Co-Pilot360 สำหรับช่วยเหลือการขับขี่ด้านต่างๆ มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2 ติดตั้งระบบ Adaptive Cruise Control พร้อมระบบ Stop & Go, ระบบอ่านป้ายจำกัดความเร็ว และระบบช่วยประคองรถให้อยู่กลางเลน เป็นต้น โดยระบบ Stop & Go จะทำงานในกรณีการจราจรหนาแน่น หากรถคันหน้าหยุดนิ่งต่ำกว่า 3 วินาที ตัวรถสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อัตโนมัติ แต่หากมากกว่า 3 วินาที ผู้ขับขี่สามารกดปุ่มที่พวงมาลัยเพื่อให้รถแล่นต่อไปได้

ภายในห้องโดยสารติดตั้งระบบ SYNC 3 ทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay สามารถเลือกระบบเสียง B&O เป็นอ็อพชั่นเสริมซึ่งมาพร้อมลำโพงและซับวูฟเฟอร์รวม 10 จุด ขับกำลังเสียง 675 วัตต์

ขณะที่ระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับรถจักรยาน Pre-Collision Assist with Pedestrian and Cyclist Detection รวมถึงระบบช่วยหักพวงมาลัยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ Evasive Steering Assist นอกจากนั้น หากอุบัติเหตุไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ยังมีระบบ Post-Collision Braking ที่ช่วยเพิ่มแรงดันเบรกหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่จนเกิดอุบัติเหตุซ้ำ เป็นต้น

ทางด้านขุมพลังมีให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost ขนาด 1.0 ลิตร มีกำลังสูงสุดให้เลือกทั้ง 85, 100 และ 125 แรงม้า เครื่องยนต์ EcoBoost 1.5 ลิตร 150 และ 182 แรงม้า นอกจากนั้นยังมีเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue บล็อกใหม่ล่าสุดขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 95 และ 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ทั้งคู่ และบล็อกขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่มาพร้อมปุ่มหมุนคล้ายกับที่พบใน Jaguar และ Land Rover

แต่น่าเสียดายที่ในบ้านเรายังไม่มีข่าวคราวว่าจะนำมาทำตลาดแต่อย่างใด