Bugatti Divo Lady Bug เกือบไม่รอด เพราะต้องใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์

 

ไม่นานนักหลังจากที่มีการเปิดตัว Divo ที่ Pebble Beach ในปี 2018 ทาง Bugatti ก็ได้รับการติดต่อจากลูกค้าที่ต้องการรถที่สุดพิเศษยิ่งขึ้นพร้อมกับงานสีที่ซับซ้อนมากขึ้นสำหรับคอลเลกชันที่ถือว่าพิเศษแบบสุดๆ ของลูกค้ารายนี้

มันดูดุดันด้วยเส้นสายและมุมต่าง ๆ สะท้อนทรงรูปเพชรที่ซ้อนอยู่ ไปจนถึงสีพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์โดยมีชื่อเรียกว่า “Customer Special Red” และ “Graphite” กราฟิกได้รับการออกแบบให้วิ่งจากด้านหน้าไปด้านหลังอย่างแม่นยำเพื่อให้เข้ากับรูปทรงของรถไฮเปอร์คาร์

Jorg Grumer หัวหน้าของแบรนด์ Color & Trim กล่าวว่า เนื่องจากลักษณะของโปรเจ็กต์ที่มีการนำกราฟิก 2 มิติไปใช้กับประติมากรรม 3 มิติ หลังจากความคิดที่ล้มเหลวมากมายและความพยายามที่จะใช้เพชรเราก็เกือบจะยอมแพ้และพูดว่า “เราไม่สามารถทำตามคำขอของลูกค้าได้”  อย่างไรก็ตามยังเป็นความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งของเราว่าเราไม่ควรยอมแพ้และคิดอยู่เสมอว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการย่อมต้องทำได้เสมอ

รถมีชื่อเล่นว่า Divo ‘Lady Bug’ ซึ่งถูกส่งมอบให้กับเจ้าของเมื่อช่วงต้นปี การทำงานร่วมกับทีมออกแบบของ Bugatti ในการผลิต ‘Lady Bug’s’ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ทุกฝ่ายทุ่มเทให้กับรถคันนี้โดยเปลี่ยนมันให้ไม่เหมือนใครซึ่งมันก็ออกมาดูดีไร้ที่ติจริงๆ

สนนราคาสำหรับ Divo รุ่นปกติจะเริ่มต้นที่ 5 ล้านยูโรหรือประมาณ 185 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี) โดยแต่ละคันจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบ 1,479 แรงม้า ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 380 กม./ชม. การผลิตจะมีเพียง 40 คันเท่านั้น

 

ที่มา : carscoops