เปิดตัว All New HAVAL JOLION Hybrid SUV อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 879,000 บาท

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL JOLION Hybrid SUV (ออล นิว ฮาวาล โจไลอ้อน ไฮบริด เอสยูวี) อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย ชูแนวคิด ‘Your Intelligent SUV’ พร้อมประกาศราคาของทั้ง 3 รุ่น

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL JOLION Hybrid SUV อย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย และประกาศราคาจำหน่าย พร้อมกันทั้ง รุ่น ได้แก่ รุ่น TECH รุ่น PRO และรุ่น ULTRA โดยมี มร.เอลเลียต จาง ประธาน มร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย และนายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ร่วมให้ข้อมูลและเผยราคา

พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV Leader) ในประเทศไทย ที่ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านนวัตกรรมอันล้ำสมัย ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการขายและบริการหลังการขายแบบ Online-to-Offline (O2O) ครบวงจรให้กับผู้บริโภค 

All New HAVAL JOLION Hybrid SUV เป็นรถยนต์ในเซกเมนท์เอสยูวี – บี ที่ขับขี่สนุกสนานและอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ จากแบรนด์ HAVAL และเป็นรถยนต์รุ่นที่ ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เลือกมาเปิดตัวและทำตลาดในประเทศไทย โดย All New HAVAL JOLION Hybrid SUV มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร

มีระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง พร้อมด้วยเทคโนโลยี LEMON Hybrid DHT (Dedicated Hybrid Technology) ที่พัฒนาขึ้นโดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยเป็นการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ไฮบริดประสิทธิภาพสูงและมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ สร้างการขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่ทรงพลัง มีประสิทธิภาพสูง และประหยัดน้ำมัน โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ) และสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ รูปแบบ ได้แก่ 1) โหมดมาตรฐาน 2) โหมด Sport 3) โหมด ECO 4) โหมดสภาพถนนลื่น ซึ่งจะมีการปรับการใช้พลังงานในการขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละโหมด

All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ยังมาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยวสะท้อนถึงสุนทรียภาพแห่งอนาคต ด้วยมิติตัวรถ 1,841 4,472 1,619 มม. (กว้าง ยาว สูง) พร้อมระยะฐานล้อ 2,700 มม โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ กับระบบ Daytime Running Light และระบบ Welcome Light เมื่อปลดล็อค พร้อมด้วยไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ร่วมด้วยกระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทา หลังคาพาโนรามิคซันรูป และไฟท้าย LED ที่ให้มาพร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตทูโทน ขนาด 18 นิ้ว ให้ผู้ขับขี่รู้สึกเสมือนกำลังโลดแล่นไปกับราชสีห์ที่กำลังเปล่งเสียงคำรามอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรุ่น JOLION (Joy + Lion)

ดีไซน์ภายในรังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด Future Intelligent Cockpit ให้ความรู้สึกกว้างขวางและสะดวกสบาย ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่อของ หน้าจออัจฉริยะ ทั้งหน้าจอหลักตรงกลางแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับ Apple Carplay MP3 JOOX และระบบนำทาง ต่อด้วยหน้าจอ Multi Information Display ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอ Head-up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า นอกจากนี้ ยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย อาทิ เบาะนั่งไฟฟ้าด้านหน้าฝั่งคนขับที่ปรับได้ถึง 6 ทิศทาง ลำโพง ตัว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวาและระบบช่องแอร์ด้านหลัง ระบบกรองอากาศ PM2.5 ที่ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start รวมไปถึงพื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ซึ่งเบาะที่นั่งด้านหลังสามารถพับลงได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,069 ลิตร

All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ยังครบเครื่องด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งฟังก์ชั่นการ
อัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (
FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) การสั่งการและควบคุมรถผ่าน GWM Application ตลอดจนระบบการช่วยเหลือและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ (Driver Assistance and Safety Systems) อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) การเข้าโค้งอัจฉริยะ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)  ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ รูปแบบ (IIP) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) เป็นต้น

ทั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ประกาศราคารถยนต์ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น TECH ที่ราคา 879,000 บาท
  • รุ่น PRO ที่ราคา 939,000 บาท
  • และรุ่น ULTRA ที่ราคา 999,000 บาท

ภายใต้นโยบาย “ONE PRICE” ซึ่งจะเป็นราคาเดียวกันในทุกช่องทางการจำหน่ายทั่วประเทศ โดยทั้ง รุ่นมาพร้อมกับ เฉดสีให้เลือก ประกอบด้วย สีแดง (Burgundy Red) สีน้ำเงิน (Swarovski Blue) สีเทา (Ayers Gray) สีดำ (Sun Black) และสีขาว (Hamilton White) โดยมีกำหนดการเตรียมส่งมอบรถยนต์ล็อตแรกให้กับลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป

พิเศษสำหรับช่วงการเปิดตัว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้ส่งมอบแคมเปญ PREMIERE DEAL ในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 20.00 น. ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 23.59 น. ซึ่งมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV อาทิ

  • ดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุด 15,000 บาท
  • ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
  • ฟรี เติมน้ำมันเต็มถังในวันส่งมอบรถ มูลค่า 1,500 บาท
  • ฟรี ค่าแรงและค่าอะไหล่งานบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM PRO Service Inclusive : GPSI) สูงสุดจำนวน 10 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (เมื่อถึงอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน) ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลืองมูลค่า 32,336 บาท
  • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท
  • ฟรี สิทธิ์ในการเรียกใช้บริการรับหรือส่งรถยนต์เพื่อเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะทาง และ/หรือ สิทธิ์ในการใช้บริการเช็คระยะนอกสถานที่ (GWM Mobile Service) จำนวน ครั้ง รวมมูลค่า 3,000 บาท
  • รับ GWM Point 15,000 คะแนน เพื่อแลกรับของสมมนาคุณและบริการต่างๆ บน GWM Application

รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ PREMIERE DEAL กว่า 85,000 บาท

นอกจากนี้ All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร (เมื่อถึงอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน) พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง อีกด้วย