เบื้องหลังการถ่ายทำฉากไล่ล่ากับรถออฟโรด ของ James Bond ที่นำแสดงโดย Range Rover Sport SVR สองคัน

 

No Time To Die (007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ) ของหนัง James Bond ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 8 ตุลาคม นี้ และในช่วงก่อนการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ Land Rover ได้นำเสนอภาพเบื้องหลังของรถที่ใช้ถ่ายทำนั่นก็คือรุ่น Range Rover Sport SVR

คุณลักษณะเด่นใน No Time To Die คือ Range Rover SVR สองคันในสี Eiger Grey พร้อมล้ออัลลอยด์ Narvik Black ขนาด 22 นิ้วและ Carbon Park ที่เป็นอุปกรณ์เสริม แถมยังได้รับการติดตั้งคาร์บอนไฟเบอร์ให้กับกระโปรงหน้ารถซึ่งเป็นสีเดียวกับตัวรถ และได้รับเลือกให้เป็นรถไล่ล่าที่สมบูรณ์แบบสำหรับซีเควนซ์ออฟโรด

“ผมกระตือรือร้นที่จะถ่ายฉากการไล่ล่าแบบออฟโรดของ Bond  ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายจริงๆ และ Range Rover Sport SVR เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับส่วนนี้ของเรื่อง” Lee Morrison ผู้ประสานงานการแสดงผาดโผนกล่าว “เราถ่ายทำทุกอย่างจริง ๆ ดังนั้นเราจึงผลักดันมันให้ถึงขีดสุดและการไล่ตามสัญญาว่าจะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำของภาพยนตร์เรื่องนี้”

ในระหว่างการไล่ล่า Bond ถูก SVR สองคันไล่ตามขณะขับ Toyota Land Cruiser Prado ในขณะที่ SVR คันหนึ่งเบี่ยงออกข้างถนน ชนกับตลิ่งดินแล้วพลิกคว่ำ

Land Rover ตั้งข้อสังเกตว่า Range Rover Sport SVR ที่ใช้ในภาพยนตร์มีระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกับรุ่นการผลิต

มีโมเดลรถคันอื่นๆ อีกมากมายในภาพยนตร์ของ เจมส์ บอนด์ ใหม่นี้ ได้แก่ Aston Martin Valhalla, Land Rover Defender, Aston Martin DBS Superleggera, Aston Martin DB5 และ V8 Vantage รุ่นออริจินัล

 

ที่มา : carscoops