All New Honda Forza 300 เจอกันแน่นอนบิ๊กสกู๊ตเตอร์ ในงาน Motor Show นี้

หลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกอย่างเป็นทางการที่ประเทศอิตาลีไปเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน ล่าสุดก็ได้มีการแถลงการณ์มาจากทาง เอ.พี. ฮอนด้ากันแล้ว เกี่ยวกับโมเดล All New Honda Forza 300 รถแนวบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่หลายคนนั้นเฝ้ารอคอย

ด้วยรูปทรงการออกแบบดีไซน์ของ All New Honda Forza 300 2018 นั้นถือได้ว่ามันมีความเหลี่ยมความคมมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูแล้วเป็นไปตามที่ทางเราคาดการณ์ว่ามันจะมีความคล้ายคลึงกันกับ Forza 125 ที่ขายกันที่ฝั่งยุโรปก่อนหน้านี้ ซึ่งพอมันกลายมาเป็นเวอร์ชั่น 300 ในครั้งนี้ก็ถือว่าค่อนข้างจะลงตัวมากๆ ทีเดียว ทำให้มิติโดยรวมของตัวรถนั้นมีความกระชับมากขึ้นกว่าโมเดลเดิมก่อนหน้านี้

โดยตัวเฟรมรถนั้นเป็นแบบเฟรมท่อผลิตจากเหล็กเป็นแบบใหม่ทั้งคัน รวมไปถึงแชสซีของตัวรถนั้นก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วย ที่น่าสนใจอีกประเด็นก็คือ การลดระยะห่างระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้สั้นลงกว่าเดิม และเบาะนั่งที่บางลงกว่าเดิม โดยไม่มีขอบกั้นระหว่างคนขี่และคนซ้อนกันอีกต่อไปแล้ว รวมไปถึงมิติด้านข้างของตัวรถที่แคบลงกว่าเดิม ทำให้ All New Forza 300 นั้นดูโฉบเฉี่ยว มีความเป็นสปอร์ต ทำแอร์โร่ว์ไดนามิกได้ดีกว่าเดิม และมุดช่องแคบๆ ในเมืองได้คล่องแคล่วกว่าเดิมอีกด้วย

All New Forza 300 2018 นั้นมาพร้อมกันกับล้อด้านหน้าที่มีขนาด 15 นิ้วด้วยกัน และด้านหลังมีขนาด 14 นิ้ว ตรงนี้เลยเป็นส่วนที่แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิกจะมีขนาด 33 มม. เท่านั้น บางลงกว่าโมเดลเดิมที่มีขนาด 35 มม. ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบทวินโช้คที่สามารถปรับระยะพรีโหลดได้ถึง 7 ระดับด้วยกัน เบรกหน้าเป็นแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 256 มม. ปั้มเบรกของ Nissin ส่วนด้านหลังใช้ดิสก์เดี่ยวเช่นกันในขนาด 240 มม. ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS แบบ 2 channel ติดรถมาให้จากโรงงานเลย ในขณะที่หน้าจอแสดงผลนั้นเป็นแบบดิจิตอลผสมกับอนาล็อค

ในส่วนของเครื่องยนต์มาพร้อมกับความจุ 279 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด SOHC 4 วาล์ว แบบ 1 ลูกสูบที่จะเน้นแรงบิดในย่านความเร็วต้นถึงกลางมากเป็นพิเศษ (ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับโมเดลเดิมก่อนหน้านี้) ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 24.8 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และทอร์คนั้นอยู่ที่ 27.25 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที

แต่ส่วนของไฮไลท์จริงๆ ของรถคันนี้นอกเหนือไปจากข้อมูลข้างต้นที่กล่าวไปแล้ว ก็คือในเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ ที่ติดมากับตัวรถ โดยจะมีระบบ Traction Control หรือระบบป้องกันล้อหมุนฟรีมาให้ โดยจะควบคุมการทำงานของระบบนี้ได้จากปุ่มกดที่แฮนด์รถ โดยระบบจะคำนวนความเร็วสัมพันธ์ระหว่างล้อหน้าและล้อหลังกับแรงบิดในขณะนั้น ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกกับระบบนี้ของทาง Honda ในรถสกู๊ตเตอร์ และอีกส่วนที่น่าสนใจก็ชิลด์หน้ารถนั้นสามารถปรับระดับความสูงต่ำได้แบบระบบไฟฟ้า, ระบบไฟจะเป็นแบบ LED, และที่สำคัญจะมีระบบสมาร์ทคีย์ (แบบไม่ต้องเสียบกุญแจเข้ากับเบ้า แต่สตาร์ทได้เลยถ้าพกกุญแจอยู่ในรัศมีการทำงาน) ใต้เบาะรถนั้นสามารถเก็บหมวกกันน็อคแบบฟูลเฟซได้ 2 ใบแบบสบายๆ

สีที่เปิดตัวกันในปีนี้นั้นจะมีสี Crescent Blue Metallic (สีโปรโมท น้ำเงินเทา), Pearl Nightstar Black (ดำเทา), Matt Cynos Grey Metallic (เทา) และ Matt Pearl Cool White (ขาว) สำหรับราคาคงต้องรอตอนเปิดตัวในงาน Motor Show ปลายเดือนนี้